13 ตุลาคม 2566 12:27 น
สยามออนไลน์
ความบันเทิง
สิ่งแรกที่อยากบอกคือตอนนี้ Netflix มีคอนเทนต์หนังไทยคุณภาพสูงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นงานสร้าง นักแสดง หรือตัวละคร เรียกได้ว่าคอนเทนต์ของเราคือบ้านของเราแล้ว มาไกลมากจนเรียกได้ว่าคุณภาพตอนนี้ดีมาก และล่าสุด Netflix ก็นำคอนเทนต์หนังไทยคุณภาพสูงเข้าตาผู้คนแล้ว “มนต์รักนักพากย์” เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ไทยที่น่าดูที่เต็มไปด้วยเสน่ห์จากอดีต ผสมผสานความรู้สึกของคนสมัยนั้นเข้ากับความทรงจำและความสัมพันธ์ของนักแสดงผู้ล่วงลับอย่าง “มิตร ไชยบัญชา” และรถหาบเร่ จะแสดงเรื่องราวความสุขและความฝันของคนในยุคนั้น รสเก่าๆ ของยุคนั้นทำให้เราคิดใหม่ ปัจจุบัน. อ่านเรื่องนี้แล้วคุณจะรู้สึกอย่างไร? ไปเรียนด้วยกันเถอะ
เรื่องราว
เรื่องราวของ “ม่อนรักนักจันทร์” เกิดขึ้นในปี 1970 และหน่วยขายยามหัศจรรย์ สมาชิก ได้แก่ หัวหน้าหน่วยและนักพากย์ มานิตย์ (สุกลวัฒน์ คณาโรจน์), พนักงานควบคุมโปรเจ็กเตอร์ ไอเกา (จิรายุ ละอองมณี) และลุงแมน (สามารถ พยัคฆ์อรุณ) พนักงานขับรถ 3 คนเป็นพ่อค้ายาเสพติด เขาเดินทางไปทั่วโลกเพื่อทำงานพากย์ จนได้พบกับเรืองแค (หนึ่งธิดา โสภณ) หญิงสาวผู้มีความฝันก้าวหน้า และหวังว่าจะมีอนาคตที่สดใส ฉันจึงได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมพากย์เสียงฝ่ายขายยา ส่งผลให้ทั้งสี่คนออกไปดูหนังกัน พากย์หนังกลางแจ้งก็ต้องขายยาด้วย วันและเวลาก็ต้องเปลี่ยนแปลงและผ่านไปอย่างช้าๆ การเปลี่ยนแปลงในอาชีพนักพากย์ทำให้ทั้งสี่คนต้องดิ้นรนเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น
ความรู้สึกของฉันหลังจากอ่าน
เรียกได้ว่าเป็นหนังไทยเรื่องหนึ่งที่ต้องดูในวันแรกเพราะโดยส่วนตัวแล้วผมชอบดูเรื่องราวเบื้องหลังนักพากย์หลายคน ไม่ว่าจะเป็นทีมพากย์ คู่หู หรือทีมพากย์การ์ตูนใหม่ๆ ก็ทีมพากย์ แก๊งค์การ์ตูน สมาคมการ์ตูน ตะนุดัน นี่ก็เป็นอีกหนึ่งหนังที่ตอบคำถามนี้ คนอย่างฉันซึ่งเป็นแฟนตัวยงของการพากย์ ไม่มีอะไรขัดกับตัวอย่างเลย เพิ่งรู้ว่านี่จะเป็นเรื่องราวของนักพากย์จากยุคอดีต น่าสนใจพอแล้ว นอกจากนี้ยังมีนักแสดงมากความสามารถอีกด้วย รวมถึงตัวละครบนหน้าจอจากภาพยนตร์ด้วย จึงสามารถพูดได้ว่าตัวเลือกการคัดเลือกนักแสดงของ Netflix สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ดีมาก เรียกได้ว่าเป็นไม้ประดับอย่างมาก นอกจากนี้ การสร้างสิ่งที่เราเห็นในตัวอย่างคือสิ่งเดียวที่หนังบอกเรา มันพาเราย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้น ว่าด้วยเรื่องการพากย์ จะมีเสน่ห์ขนาดไหนในการชมภาพยนตร์นอกบ้าน? รวมถึงนักแสดงไทยผู้เป็นที่รักที่จากไปอย่างมิตรชัยบัญชา
อีกสิ่งหนึ่งที่ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีก็คือหนังเรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของวงการภาพยนตร์ในปี 1970 เรียกได้ว่าเป็นยุคทองของหนังไทยเลยก็ว่าได้ และผมรู้สึกว่ายุคนั้นไม่ค่อยมีหนังไทยมากนัก นี่ก็เป็นเสน่ห์อีกแบบหนึ่ง มันทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังดูสารคดีและเรื่องราวในยุคนั้น บรรยากาศวัด งานพากย์สด ขนมหรือห้างสรรพสินค้า แม้จะดูหนังนอกจอแล้วก็ยังคิดถึงช่วงเวลานั้นมากๆ แม้ว่าโดยส่วนตัวแล้วผมจะไม่ได้เกิดในยุคนั้นก็ตาม แต่สิ่งที่อยู่ในหนังที่เพิ่มมาผมจะดูให้ทันแน่นอนโดยเฉพาะหนังนอกเรื่อง บอกเลยว่าบ้านผมอยู่ภาคอีสาน จริงๆ แล้วเราดูหนังเรื่องนี้กลางแจ้งในช่วงเทศกาลวัด ซึ่งเป็นพรสำหรับเด็กๆ ในขณะนั้นมาก แต่ในทางกลับกันเนื่องจากยุคสมัยที่แตกต่างกันจึงเป็นเรื่องยากที่จะเล่าเรื่องราวจากยุคนั้นมาจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันนี้บางคนอาจไม่รู้สึกมีส่วนร่วมหรือไม่เข้าใจ
เพราะหนังแอบหยดกับเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นในยุคนั้น บางคนมามากหรือน้อย เป็นการยกย่องภาพยนตร์ไทยในยุคนั้นและเรื่องราวยังทำให้เราเผชิญหน้ากับตัวละครอีกด้วย ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของวงการภาพยนตร์จากการค้นหาความสมจริงในภาพยนตร์ (ในเรื่องนี้ หมายถึง การใช้เสียงเอฟเฟ็กต์ในการพากย์ภาพยนตร์ เช่น เสียงปืนและเสียงฝนที่ต้องออกแบบเอง) และบทบาทของสื่อโทรทัศน์ ในการมีอิทธิพลต่อธุรกิจขายยา สิ่งที่ทำให้บ้านเมืองตกใจในขณะนั้นคือการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของมิตร ไชยบัญชา ซึ่งเป็นเสาหลักของวงการภาพยนตร์ไทยในขณะนั้น
ถ้าถามว่านี่คือหนังเรื่องอะไร? เท่าที่ผมเคยเห็นและสัมผัสมาน่าจะเป็นแนวกึ่งโรดมูฟที่หนังเลือกที่จะพาตัวละครออกเดินทางไปกับคนดูเช่นเรา มีบรรยากาศรอซึมซับปกคลุมเราตลอดทาง นอกจากนี้ตัวละครยังต้องเผชิญกับเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย หากดูดีๆ ก็เป็นหนังที่ดูได้ไม่ยาก เรื่องราวถูกเล่าอย่างต่อเนื่องในรูปแบบหนังไทยที่คุ้นเคย ฉันต้องชื่นชมสิ่งนี้ รายละเอียด ตัวละคร และบรรยากาศของโครงเรื่องนี้มีความสมจริงและเชื่อมโยงได้ง่าย อีกทั้งฉากของตัวละครก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วย ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องโดดเด่นจนเกินไป ทำให้น่าติดตามและชวนให้คนอย่างเราดูเป็นอย่างมาก มันสนุกที่จะดู การทำคัฟเวอร์ทั้งเรื่องยังคงหาวิธีทำให้ตัวละครแต่ละตัวให้ความรู้สึกสมจริง ตอนจบก็ดีมาก หลากหลายความรู้สึก หลากหลายความรู้สึก หลากหลายความรู้สึก กอด เข้าใจ ปล่อยวาง ปล่อยให้อดีตผ่านไปช้าๆ นี่แหละคือความรู้สึกของพระเอกทำให้เรารู้สึกใกล้ชิดและรับมือกับมันได้ง่ายมาก
อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องได้รับการยกย่องอย่างสูงสำหรับหนังเรื่องนี้ก็คือการออกแบบงานศิลปะและผลงานต่างๆ ภาพถ่ายมีความสมจริงมากและถ่ายทอดบรรยากาศของจังหวัดต่างๆในยุคนั้นได้ รวมไปถึงเครื่องรางต่างๆแม้จะเพียงเล็กน้อยแต่ก็สมจริงมาก ให้เรารู้สึกเหมือนได้เห็นด้วยตาของเราเอง ฉันย้อนกลับไปสมัยนั้นจริงๆ ขอบคุณทีมงานที่ดูแลอย่างดีครับ ส่วนนักแสดงทั้ง 4 คนเองก็แสดงได้ดีมากตามบทบาทแต่ละคนก็มีความสามารถเป็นของตัวเอง ไม่ผิดหวังเลย. แต่ที่น่าชื่นชมที่สุดคือการแสดงของนูน่าในเรื่อง A Daughter โดยส่วนตัวแล้วไม่ได้เห็นเขาในหนังหลายเรื่อง ล่าสุดที่ดูคือ กวานเหวินโฮ ตอนที่ฉันมาดูหนังเรื่องนี้ เขาสามารถเล่นเป็นเด็กผู้หญิงในยุคนั้นได้ในปริมาณที่พอเหมาะพอดี
สรุปหนังเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ดูง่ายมาก ไม่มีอะไรซับซ้อน ไม่มีอะไรต้องคิด นี่เป็นภาพยนตร์กึ่งโรดที่ให้ความรู้สึกดี และรับชมได้ทุกเพศทุกวัยอย่างแน่นอน รวมทั้งผมด้วยซึ่งเป็นลูกที่เกิดปี 2543 แต่ผมยังสนใจงานพากย์อยู่มาก ฉันชอบดูเบื้องหลังการถ่ายทำภาพยนตร์ทุกเรื่อง และในยุคนี้ ผู้คนเริ่มให้ความสนใจกับการพากย์มากขึ้น สำหรับคนที่ชอบหนังแนวนี้ เรื่องนี้ อาจจะเป็นคำตอบที่เหมาะสมที่สุด แต่คนอาจจะชอบมัน พวกเขาน่าจะเป็นคนในยุคนั้นที่เกิดในยุคนั้นมากที่สุด ติดตามเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในขณะนั้น อาจมีความรู้สึกมีส่วนร่วมอย่างลึกซึ้งในภาพยนตร์ นอกจากนี้ในเรื่องปริมาณการผลิตอาจกล่าวได้ว่าหากภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ได้ก็จะเข้าได้ง่ายเพียงแค่เข้าไปดูนักแสดงเท่านั้น กล่าวอีกนัยหนึ่งบรรยากาศเก่าๆ ในหนัง คุ้มค่าแก่การใช้เวลาถึงสองชั่วโมง
คะแนนรวม 7.5/10 คะแนน
มนต์รักนักพากย์
ผู้เขียน Cr. พี่ภูมิ